Showing posts with label ครอบครัวที่มีความสุข. Show all posts
Showing posts with label ครอบครัวที่มีความสุข. Show all posts

Wednesday, October 1, 2008

ครอบครัวที่มีความสุข





เมื่อน้องเออายุได้ 14 ปี ต้องเตรียมสอบขึ้น ม.ปลายพ่อแม่และคุณครู ต่างแนะนำให้น้องเอ หยุดเล่นฟุตบอลในตอนเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อจะได้อยู่บ้านและใช้เวลากับการทำการบ้าน เค้าอธิบายว่าถ้า น้องเอสอบได้คะแนนดีน้องเอก็จะมีความสุขน้องเอ เชื่อคำแนะนำ น้องเอสอบได้ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้น้องเอมีความสุข แต่ความสำเร็จนั้นกลับทำให้น้องเอต้องเรียนหนักขึ้นไปอีก 3 ปีเมื่อถึงการสอบเข้ามหาลัย พ่อแม่และคุณครู แนะนำไม่ให้ออกไปเที่ยวยามค่ำคืน และวันเสาร์อาทิตย์ และไม่ให้ไล่จีบผู้หญิง แต่ให้อยู่บ้านเพื่อท่องหนังสือและบอกกลับน้องเอว่า ถ้าน้องเอสอบได้คะแนนดีดีน้องเอจะมีความสุขอีกครั้งที่น้องเอ เชื่อคำแนะนำ และสอบได้คะแนนดี และอีกครั้งเช่นกันที่มันไม่ได้ทำให้น้องเอมีความสุขเท่าไหร่ เพราะน้องเอพบว่าตัวเองต้องเรียนหนักที่สุดอีกตลอด 4 ปีที่แสนจะยาวนาน เพื่อให้ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัยคราวนี้ พ่อแม่และอาจารย์ ต่างก็แนะนำน้องเอให้อยู่ห่างจากร้านเหล้า ผับ บาร์ต่างๆเพื่อจะได้มีเวลาเต็มที่กับการเรียน เค้าบอกกับน้องเอว่าปริญญาจากมหาวิทยาลัยสำคัญมาก ถ้าน้องเอได้มาน้องเอจะมีความสุข..... มาถึงตรงนี้ น้องเอเริ่มสงสัยแล้วว่าน้องเอเห็นรุ่นพี่บางคนเรียนหนัก และได้ปริญญาเดี๋ยวนี้เค้าต้องทำงานแลกอย่างหนักเพื่อให้เงินมากพอซื้อของที่จำเป็น เช่นรถ เค้าบอกกับน้องเอว่า' เมื่อพี่มีรถยนต์ พี่จะมีความสุข 'แต่เมื่อพี่คนนั้นหาเงินได้มากพอที่จะซื้อรถยนต์คันแรกได้เขาก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดีพี่เค้าเริ่มทำงานหนักขึ้นเพื่อซื้อของอื่นๆ ที่จะทำให้เค้ามีความสุขหรือเค้าก็กำลังสับสนวุ่นวายกลับความรัก พยามยามตามหาคนที่ใช่และบอกกับน้องเอว่า ' ถ้าพี่ได้แต่งงาน กับคนที่ใช่พี่จะมีความสุข 'เมื่อแต่งงานแล้ว เค้าก็ยังไม่มีความสุข เค้าต้องทำงานหนักกว่าเดิมรับงานพิเศษมากขึ้น เพื่อเก็บเงินไว้สำหรับบ้านสักหลัง และบอกกับน้องเอว่า ' ถ้าพี่มีบ้านของตัวเองเมื่อไหร่ พี่จะมีความสุข 'และแล้ว เรื่องน่าเสียใจก็เกิดตามมา ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านสักหลังมันหนักหนามาก ทำให้พวกเค้าไม่ถึงความสุขสักที และยิ่งไปกว่านั้นเค้ามีครอบครัว มีลูกต้องดูแล ที่จะตื่นมากลางดึก เงินเก็บที่มีมาก็หมดไปเพิ่มความกังวลมากมายให้กับเค้า คราวนี้คงจะเป็นอีก 20 ปีที่เค้าจะทำอะไรได้อย่างที่เค้าต้องการ เค้าจึงบอกน้องเอว่า ' เมื่อไหร่ที่ลูกๆโตพอที่จะออกไปตั้งตัวได้ เมื่อนั้นแหละเค้าจะมีความสุข 'กว่าลูกๆ จะโต เค้าก็คงปลดเกษียณ ต้องเลื่อนเวลาของความสุข ออกไปเขาต้องทำงานหนักเพื่ออดออมไว้ยามแก่ เค้าบอกกับน้องเอ ว่า' เกษียณเมื่อไหร่ จะได้มีความสุขสักที 'และหลังจากนั้น เมื่อเค้าเกษียณ เค้าเริ่มเข้าวัด ฟังธรรม ทำให้น้องเอสงสัยว่าทำไมคนแก่ๆ ถึงชอบมาที่วัดกัน และคำตอบที่น้องเอ ได้ฟังก็คือ' เพราะว่าตายไปแล้วจะได้มีความสุข '


ถ้าจบเรื่องราวไว้เพียงแค่นี้ คงมีคำถามในใจมากมาย ว่าเขียนทำไมลองใช้เวลาคิดสักนิดก่อนที่จะอ่านนิทานเรื่องต่อไป.


นิทานเรื่องที่ 2

ในหมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในเม็กซิโกชายอเมริกันคนหนึ่งเดินทางเข้ามาพักผ่อนอยู่ที่หมู่บ้านนี้เค้าเฝ้าดูชาวประมงคนหนึ่งขนปลาที่จับได้เช้าวันนั้นชายอเมริกันเป็นโปรเฟสเซอร์ที่ประสบความสำเร็จสูงเค้าเป็นอาจารย์ที่มหาลัยชื่อดังของโลก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะแนะนำแก่ชาวประมงเล็กน้อย' นี่นาย! ทำไมนายถึงเลิกจับปลาแต่เช้าอย่างงี้ละ '' เพราะผมจับปลาได้เพียงพอแล้วซิคับ ' ชาวประมงตอบอย่างอารมณ์ดี' พอเพียงที่จะเป็นอาหารของครอบครัวและก็เหลืออีกเล็กน้อยไว้ขายด้วยเดี๋ยวผมก็จะไปกินข้าวกลางวันกับลูกเมียผม แล้วก็งีบสักหน่อยตื่นมาเล่นกับลูกๆ หลังอาหารเย็นผมก้อไปร้านเหล้าดื่มเตกีล่าสักหน่อยเล่นกีตาร์กับเพื่อนๆ มันก็พอเพียงสำหรับผมแล้วคับ ' นี่ สหาย ฟังผมนะ ' โปรเฟสเซอร์กล่าว' ถ้านายอยู่ที่ทะเลจนถึงบ่ายแก่ๆ นายจะได้ปลามากขึ้นเป็นสองเท่าอย่างสบายๆนายขายปลาจากที่กินกับครอบครัว รวบรวมเงินสักหกเดือน หรือเก้าเดือนนายก็จะสามารถซื้อเรื่อที่ใหญ่กว่า ดีกว่าลำนี้ได้ และจ้างลูกจ้างได้ด้วย ทีนี้นายจะสามารถหาปลาได้มากขึ้นเป็นสี่เท่า คิดดูสิ นายจะหาเงินได้มากแค่ไหนใน 1- 2 ปีถ้านายทำตามแผนธุรกิจนี้นะ ภายใน 6-7 ปี นายจะได้เป็นเจ้าของกองเรือประมงขนาดใหญ่ น่าภูมิใจมั๊ยล่ะ ลองวาดภาพดูหลังจากนั้นนายก็ย้ายสำนักงานใหญ่เข้าสู่เม็กซิโกซิตี้จากนั้น 3-4 ปี นายก็เอาบริษัทเข้าตลาดหุ้น ตั้งตัวเป็น CEO รับเงินเดือนพร้อมผลตอบแทนแล้วอีกไม่กี่ปี ฟังให้ดีนะ ! นายก็เริ่มงานแผนซื้อหุ้นคืนซึ่งจะทำให้นายกลายเป็นอภิมหาเศรษฐี !ผมรับประกัน! ผมน่ะเป็น โปรเฟสเซอร์ด้านนี้นะ ผมรู้เรื่องพวกนี้ดีชายประมงตั้งใจฟังทุกอย่างที่ชาวอเมริกันพูดเมื่อโปรเฟสเซอร์พูดจบ เค้าจึงถามขึ้นว่า' โปรเฟสเซอร์ครับ แล้วผมจะเอาเงินหลายล้านดอลล่าร์ไปทำอะไรล่ะครับ 'เป็นเรื่องน่าแปลกยิ่ง ที่โปรเฟสเซอร์ไม่เคยได้คิดแผนธุรกิจไกลขนาดนั้นดังนั้นเค้าจึงเริ่มคิด แล้วบอกกับชาวประมงว่า' สหาย! เมื่อมีเงินมากมายขนาดนั้น นายก็เลิกทำงาน ใช่ๆ เลิกทำงานตลอดชีวิตเลยนะ แล้วก็ซื้อวิลล่าเล็กๆ สักหลัง ในหมู่บ้านที่งามราวกับภาพวาด เช่นหมู่บ้านนี้แล้วซื้อเรือลำเล็กๆสักลำ ไว้ออกตกปลาตอนเช้ากลับมากินข้าวกลางวันกับลูกเมียได้ทุกวันแล้วก็งีบตอนบ่ายสักหน่อย ไม่มีอะไรต้องกังวลตื่นมาใช้เวลาอย่างมีคุณภาพกับลูกๆ ของนายหลังอาหารเย็นก็ออกไปเล่นกีตาร์กับเพื่อนๆที่ร้านเหล้าดื่มเตกีล่าสักหน่อย ใช่แล้วเพื่อนเอ๋ยนายก็เลิกทำงานแล้วก็ใช้ชีวิตให้สบายไปเลย ''
แต่โปรเฟสเซอร์ครับ..... ' หนุ่มชาวประมงพูดขึ้น ' ผมกำลังทำทุกอย่างที่ว่านั่นแล้วนี่คับ '
อ้างอิงจากเมลที่ forword กันมาครับ